ในวันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปี ทางคณะจัดงานร่วมระหว่าง สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย กับสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันกรรมกรสากล นำโดยนายสาวิทย์แก้วหวานประธาน สสรท. และนายมานพเกื้อรัตน์เลขาธิการ สรส. ณ บริเวณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังทำเนียบรัฐบาลประตู 5 โดยในริ้วขบวนมีการเขียนป้ายข้อความสะท้อนปัญหาจากหน่วยงานต่างๆ ภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้เพื่อต้องการสะท้อนปัญหาที่ขาดการเหลียวแลจากรัฐบาลและเป็นการซ้ำเติมพี่น้องคนทำงานในการที่ต้องทำงานโดยไร้ความมั่นคงซึ่งมาจากช่องว่างของกฎหมาย
ซึ่งทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ได้เข้าร่วมในกิจกรรมวันกรรมกรสากล โดยปีนี้ได้มีการรวบรวมประเด็นการต่อต้านนโยบายที่ไม่เป็นธรรมซึ่งส่งผลกระทบกับการรถไฟแห่งประเทศไทยมานำเสนอให้สังคมได้รับทราบ ส่วนประเด็นความไม่มั่นคงในการทำงานสรทชูประเด็นการเร่งผลักดันให้มีการบรรจุลูกจ้างเฉพาะงานเข้ามาเป็นพนักงานของการรถไฟประเทศไทยโดยเร็ว
ทั้งนี้ นายสราวุธ สราญวงศ์ประธานสร.รฟท. กล่าวว่า ปัญหาการแปรรูปรัฐวิสาหกิจยังคงมีให้เห็นในทุกๆสมัย ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปถึงการก่อตั้งรัฐวิสาหกิจขึ้นในประเทศไทย มีการระบุพันธกิจและวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งรัฐวิสาหกิจขึ้นอย่างชัดเจนเพื่อเป็นการดูแลพี่น้องประชาชนให้สามารถเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคสาธารณูปการได้อย่างเท่าเทียม แต่ปัญหาในปัจจุบันก็คือมีการใช้ช่องว่างของกฎหมายที่ออกโดยรัฐบาลทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนมาโดยตลอด
ซึ่งทางสหภาพรถไฟฯ มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งนอกจากดูแลสวัสดิการของพี่น้องสมาชิกแล้วอีก 1 วัตถุประสงค์หลักก็คือการดูแลผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจนั้นเพื่อให้สามารถทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน และอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญองค์กรจะไม่สามารถทำตามพันธกิจขององค์กรต่อไปได้ถ้าหากขาดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้นสภาพรถไฟจึงชูประเด็นการบรรจุลูกจ้างเฉพาะงานให้เป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาที่มีการใช้งบประมาณของประเทศในการสร้างทางคู่ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีจำนวนพนักงานของการรถไฟมาให้บริการ
ขอบคุณพี่น้องสมาชิกสหภาพรถไฟฯและครอบครัว
คนรถไฟทุกท่านที่ออกมาร่วมกันแสดงพลัง
ด้าน สสรท. และ สรส.
ย้ำเจตนารมณ์ พร้อมยื่นคำขาด
"รัฐบาลต้องยกเลิกสัญญาทาส"
จากคำแถลงการณ์ ของ สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) และ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)
ตอนหนึ่งว่า….. ในสภาพความเป็นจริง ปัจจุบันชีวิตของคนทำงาน ทั้งแรงงานไทย แรงงานข้ามชาติ ในภาคเกษตร อุตสาหกรรม และภาคบริการล้วนตกอยู่
ในสภาวะที่ยากลำบากในการใช้ชีวิต โภคทรัพย์ของสังคม ดิน น้ำ ป่า แร่ธาตุ อาหาร ทั้งใต้ผืนดิน บนดิน ท้องฟ้า อากาศ สายลม แสงแดด อวกาศ พลังงาน น้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า การขนส่ง การสื่อสารโทรคมนาคม ล้วนถูกครอบครอง ผูกขาดโดยกลุ่มทุนสามานย์ที่ได้รับการเกื้อหนุนจากผู้มีอำนาจรัฐ ซึ่งก็คือ ตัวแทนชนชั้นนายทุน กี่รัฐบาล กี่พรรคการเมือง รัฐประหารกี่ครั้ง ผู้มีอำนาจที่ก้าวมาบริหารประเทศก็กระทำในลักษณะเดียวกัน คือ กอบโกย โกง พร้อมกับการทำลายขบวนการแรงงาน ขบวนการภาคประชาชน ที่ไปขัดขวางความร่ำรวย สิ่งที่สัญญากับประชาชนว่า จะทำให้ประชาชนอยู่ดี มีสุข มีความมั่นคง ก้าวหน้า ยั่งยืน ในความเป็นจริงพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ประชาชนต่างทราบดีว่าเป็นแค่วาทกรรมและลมปาก
อำนาจของประชาชนจะกลับคืนสู่ประชาชนอีกครั้งแม้ในช่วงเวลา สั้น ๆ การเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 จึงขอให้พี่น้องผู้ใช้แรงงาน ประชาชน จงตระหนัก สรุปทบทวน ก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกใคร และขอให้ตัดสินใจเลือกด้วยความบริสุทธิ์ใน อย่าให้มีแรงจูงใจที่เป็นอามิสสินจ้างในการเลือกเพราะที่สุดแล้วเมื่อนักการเมือง พรรคการเมืองเหล่านั้นลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ เขาก็จะถอนทุนคืนด้วยการทุจริต ชีวิตพี่น้องประชาชนก็อยู่ในวังวน “วงจรอุบาทว์” ของนักการเมืองชั่วเหล่านั้น
ขอกรรมกรจงสามัคคีกัน ต่อสู้ปลดปล่อยตนเอง มุ่งมั่นสู่ชัยชนะและสังคมที่เราคาดหวัง
“สามัคคีกรรมกร ต้านทุนนิยมครอบโลก สร้างสังคมใหม่ ประชาธิปไตยประชาชน”
สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.)
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)
1 พฤษภาคม 2566
อ่านแถลงการณ์ฉบับเติมได้ที่นี่